จำนวนผู้เข้าชม: 9

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกสุนัขกัด มีขั้นตอนดังนี้
- หยุดเลือด หากมีเลือดออก ให้ใช้ผ้าสะอาดกดทับบริเวณที่กัด ห้ามใช้ผ้าพันแผลพันทับบริเวณที่กัด เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
- ล้างแผล โดยใช้น้ำสะอาดและสบู่ ฟอกแผลให้สะอาด อย่างน้อย 15 นาที ล้างให้ถึงก้นแผล หากแผลลึกมาก อาจใช้น้ำเกลือล้างแผลแทนได้
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์ 70% เช็ดแผลให้ทั่วบริเวณที่ถูกกัด
- ปิดแผล โดยใช้ผ้าพันแผลปิดแผล หากแผลมีขนาดใหญ่ อาจใช้ผ้าก๊อซปิดแผล แล้วพันทับด้วยผ้าพันแผล
- ให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล หรือยาไอบูโพรเฟน
- พาผู้ป่วยไปพบแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และรักษาแผลอย่างถูกต้อง
หากผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- แผลลึก
- แผลมีเลือดออกไม่หยุด
- แผลมีหนองหรือน้ำเหลืองไหล
- แผลแดง บวม ปวดมาก
- มือบวม
- มีอาการแพ้ เช่น ลมพิษ หน้าบวม ปากบวม คอบวม
- รู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับการปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกสุนัขกัดเพิ่มเติม ดังนี้
- หากสุนัขกัดบริเวณใบหน้าหรือคอ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- หากสุนัขกัดบริเวณอวัยวะเพศ ควรประคบเย็นบริเวณที่กัดด้วยน้ำแข็งก้อน
โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถติดต่อสู่คนได้จากการถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดหรือข่วน โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล แล้วเดินทางสู่สมอง ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดหัว อ่อนแรง เกร็งกล้ามเนื้อ ชัก คอแข็ง น้ำลายไหล และเสียชีวิตในที่สุด
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้ หากถูกสุนัขกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที