สุนัขกัด, การปฐมพยาบาลเบื้องต้น, เรียนหลักสูตรออนไลน์ฟรี

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกสุนัขกัด มีขั้นตอนดังนี้

  1. หยุดเลือด หากมีเลือดออก ให้ใช้ผ้าสะอาดกดทับบริเวณที่กัด ห้ามใช้ผ้าพันแผลพันทับบริเวณที่กัด เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
  2. ล้างแผล โดยใช้น้ำสะอาดและสบู่ ฟอกแผลให้สะอาด อย่างน้อย 15 นาที ล้างให้ถึงก้นแผล หากแผลลึกมาก อาจใช้น้ำเกลือล้างแผลแทนได้
  3. ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์ 70% เช็ดแผลให้ทั่วบริเวณที่ถูกกัด
  4. ปิดแผล โดยใช้ผ้าพันแผลปิดแผล หากแผลมีขนาดใหญ่ อาจใช้ผ้าก๊อซปิดแผล แล้วพันทับด้วยผ้าพันแผล
  5. ให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล หรือยาไอบูโพรเฟน
  6. พาผู้ป่วยไปพบแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และรักษาแผลอย่างถูกต้อง

หากผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • แผลลึก
  • แผลมีเลือดออกไม่หยุด
  • แผลมีหนองหรือน้ำเหลืองไหล
  • แผลแดง บวม ปวดมาก
  • มือบวม
  • มีอาการแพ้ เช่น ลมพิษ หน้าบวม ปากบวม คอบวม
  • รู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน

นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับการปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกสุนัขกัดเพิ่มเติม ดังนี้

  • หากสุนัขกัดบริเวณใบหน้าหรือคอ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • หากสุนัขกัดบริเวณอวัยวะเพศ ควรประคบเย็นบริเวณที่กัดด้วยน้ำแข็งก้อน

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถติดต่อสู่คนได้จากการถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดหรือข่วน โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล แล้วเดินทางสู่สมอง ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดหัว อ่อนแรง เกร็งกล้ามเนื้อ ชัก คอแข็ง น้ำลายไหล และเสียชีวิตในที่สุด

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้ หากถูกสุนัขกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที