
วัตถุประสงค์ของบทเรียน
เมื่อเรียนบทนี้จบแล้ว ท่านต้องสามารถปฏิบัติสิ่งต่อไปนี้ได้ 1. บอกคุณสมบัติของกล้ามเนื้อได้ 2. บอกหน้าที่และจำแนกชนิดของกล้ามเนื้อได้ 3. บอกตำแหน่งของกล้ามเนื้อลายที่ลำคัญ ๆ ของร่างกายได้ 4. บอกกลไกการทำงานของกล้ามเนื้อได้
ระบบกล้ามเนื้อ ประกอบด้วยกล้ามเนื้อลายมากกว่า 600 มัด พบได้ประมณ 40% ของน้ำหนักร่างกาย กล้ามเนื้อลายสามารถหดตัวเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การกระพริบตา การยิ้ม การเคลื่อนไหวแขนขา เป็นต้น นอกจากนั้นกล้ามเนื้อลายยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของร่างกาย มนุษย์เราสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อลายได้ตามต้องการ เช่น การหมุนแขน การกำมือ การกระดกปลายเท้า เป็นต้น
คุณสมบัติของกล้ามเนื้อ
- มีความไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้นโดยผ่านทางระบบประสาท เช่น การกระพริบตาเมื่อมีฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมมาสัมผัสที่ดวงตาของเรา เนื่องจากที่กระจกตา (Cornea: คอร์เนีย) จะมีเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึกเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับดวงตาของเรา
- มีความสามารถในการหดและคลายตัว (Contractibility: คอนแทรกซิบิลิตี้) เพื่อให้ร่างกายของเราทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจะวันได้
- สามารถถูกยืดออกได้ (Extensibility: เอกซ์เทนซิบิลิตี้) เพื่อป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ
- มีความยืดหยุ่นและสามารถกลับคือสู่สภาพเดิม (Elasticity: อิลาสติซิตี้)
หน้าที่ของระบบกล้ามเนื้อ
- การเคลื่อนไหว (Movement: มูฟเม้นท์) การเคลื่อนไหวของร่างกายอาศัยการหดและคลายตัวของเซลล์กล้ามเนื้อ เกี่ยวกับกับการดำเนินชีวิตประจำวันของเราที่สามารถสังเกตเห็นได้ คือ การยิ้ม การเคลื่อนไหว และยังมีที่เราไม่สามารถสังเกตเห็นได้ และไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะนั้น ๆ ได้ตามต้องการอีกด้วย เช่น การเต้นของหัวใจ การบีบตัวของลำไส้ เป็นต้น การเคลื่อนไหวแต่ละอย่างจะมีการทำงานของกล้ามเนื้อมากกว่า 1 มัดเสมอง
- การรักษาท่าทาง และการตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Posture and muscle tone: โพสเชอร์ แอนด์ มัสเซิล โทน) การที่เราสามารถทรงท่าทางต่าง ๆ ของร่างกายไว้ได้น้้นเกิดจากกล้ามเนื้อมีการตึงตัวอยู่ตลอดเวลา (Tonic contraction: โทนิค คอนแทรกเชิน) แม้ว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวก็ตาม
- การผลิตความร้อนเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกาย (Heat product: ฮีท โพร์ดัค) เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวจะเกิดกระบวนการเผาผลาญของเซลล์กล้ามเนื้อ ซึ่งจะได้พลังงานและความร้อนด้วยเสมอ ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายจะถูกควบคุมให้มีความเหมาะสมต่อไป
การจำแนกชนิดของกล้ามเนื้อ
ร่างกายประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 3 ชนิด คือ กล้ามเนื้อลาย (Seketal muscle: สเกเลตัล มัสเซิน) กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle: สมูท มัสเซิน) และกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac mulcle: คาร์ดิเอค มัสเซิน) นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งออกตาม “ความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อ” คือ ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ (Voluntary muscle : โวรันทารี่ มัสเซิล) และไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ (Involuntary muscle : อินโวรันทารี่ มัสเซิล)
การเรียกชื่อกล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อแต่ละมัดได้รับการตั้งชื่อตามลักษณะดังต่อไปนี้
- เรียกตามรูปร่างของกล้ามเนื้อ (Shape: เชฟ) เช่น กล้ามเนื้อต้นแขน (Deltoid muscle : เดลตอยด์ หมายถึง สามเหลี่ยมมุมกลับ) สำหรับฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าใต้ผิวหนัง)
- เรียกตามตำแหน่งที่เกาะของกล้ามเนื้อ (Points of attachment: พอยท์ ออฟ แอทแทชเม้นท์) เช่น กล้ามเนื้อด้านนอกต้นคอ (Sternocleidomastoid: สเตอร์โนไคลโดมาสตอยด์) มีจุดเกาะต้นอยู่ที่กระดูกหน้าอก (Sternum: สเตอร์นัม) และกระดูกไหปลาร้า (Clavicle: คลาวิเคิล) และมีจุดเกาะปลายที่ปุ่มกระดูกกกหู (Mastoid process: มาสตอยด์ โพรเซสส์) กล้ามเนื้อนี้ทำหน้าที่หมุนคอ ก้มหน้า
- เรียกตามทิศทางของใยกล้ามเนื้อ (Direction: ไดเร็กเชิน) เช่น กล้ามเนื้อรอบริมฝีปาก (Orbicularis oris: ออร์บิคูลารีส ออรีส) ซึ่งมีลักษณะวนรอบเป็นวงกลม
กล้ามเนื้อลาย (Striated or Skeletal muscle)
ที่เราเรียกกล้ามเนื้อลายว่า “Skeletal muscle” (Skeletal : สเกเลตัล หมายถึง กระดูก) เนื่องจากว่ากล้ามเนื้อชนิดนี้เกือบทั้งหมดจะติดอยู่กับกระดูก การหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อมีผลต่อการเคลื่อนไหวของอวัยวะนั้น ๆ เมื่อเราใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูกล้ามเนื้อชนิดนี้จะพบว่ามีแถบสีเข้มและจางสลับกันไป เราจึงเรียกกล้ามเนื้อชนิดนี้ว่า “กล้ามเนื้อลาย” (Striated muscle: สไตรเอทิด มัสเซิล)
กล้ามเนื้อลายเป็นกล้ามเนื้อเพียงชนิดเดียว (จาก 3 ชนิด) เท่านั้นที่เราสามารถควบคุมการทำงานได้ หรือเรียกว่า โวลันทารี่ มัสเซิล (Voluntary muscle) โดยทำงานผ่านระบบประสาทความรู้สึก (Conscious: คอนสเชียส) ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เรายกแขน เรายิ้ม เรายืนนิ่ง ๆ ฯลฯ ได้ด้วยความตั้งใจของเราเอง แต่นั่นหมายความว่าสมองของเรายังต้องสามารทำหน้าที่ได้ตามปกติด้วย
ลักษณะมหกายวิภาคสาสตร์ของกล้ามเนื้อลาย (Gross anatomy of skeletal muscles: โกสส์ อนาโตมี่ ออฟ สเกเลตัล มัสเซิล) การศึกษามหกายวิภาคของกล้ามเนื้อลายมักพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ตำแหน่งของการยึดเกาะของกล้ามเนื้อ (Attachments muscle: แอทแทชเมนท์ มัสเซิล) จุดเกาะของกล้ามเนื้อจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของอวัยวะนั้นๆ โดยจะพิจารณาตามลักษณะการเคลื่อนไหว ประกอบด้วย 1.1 จุดเกาะต้น (Origin: ออริจิน) ส่วนปลายของกล้ามเนื้อจะเกาะที่ "ส่วนต้นของกระดูก (Proximal: พรอกซิมัล) กระดูกส่วนนี้จะไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหวน้อยเมื่อมีการหดตัวองกล้ามเนื้อ เช่น กระดูกต้นแขน เป็นต้น 1.2 ส่วนเกาะปลาย (Insertion: อินเซอร์เชิล) ปลายของกล้ามเนื้ออีกด้านจะเกาะกับกระดูกที่เป็นส่วนปลาย (Distal: ดิสทัล) เช่น กระดูกปลายแขน เป็นต้น เมื่อมีการหดตัวของกลามเนื้อ กระดูกปลายแขนจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่าต้นแขน เช่น การงอแขน เป็นต้น 2. เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อ (Connective tissue coverings muscle: คอนแนคทีฟ ทิชชู โคเวอร์ริ่ง มัสเซิล) ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 2.1 ชั้นนอกสุด จะห่อหุ้มมัดของกล้ามเนื้อลาย เรียกว่า เอพิมัยเซียม (Epimysium) 2.2 ชั้นที่สอง เรียกว่า เพอริมัยเซียม (Perimysium) เป็นชั้นที่ถัดเข้าไปจากชั้นเอพิมัยเซียม โดยจะแบ่งกล้ามเนื้อลายออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ 2.3 ชั้นในสุด เรียกว่า เอ็นโนมัยเซียม (Endomysium) มีลักษณะบาง ทำหน้าที่ห่อหุ้มเซลล์กล้ามเนื้อแต่ละเซลล์ (Sleletal muscle cells of muscle fiber: สเคเลตัล มัสเซิล เซลล์ ออร์ มัสเซิล ไฟเบอร์) 3. รูปร่างของกล้ามเนื้อ (Shape: เชฟ) ลักษณะของกล้ามเนื้อเกิดจากการเรียงตัวของกลุ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3.1 การเรียงตัวตามแนวยาว (Longitudinal fiber: ลองจิทูดินัล ไฟเบอร์) เช่น กล้ามเนื้อต้นขาด้านใน (Sartorius muscles: กล้ามเนื้อซาร์โตเรียส) 3.2 การเรียงตัวแบบรูปกระสวย (Fusiform: ฟูซิฟอร์ม) มีลักษณะเป็นแนวยาวปล่องตรงกลาง เช่น กล้ามเนื้อแขนด้านหน้า (Bicep brachii: ไบเซฟ บาร์ชิไอ) 3.3 การเรียงตัวแบบขนนกครึ่งซีก (Penniform: เพนนิฟอร์ม) มีการเรียงตัวของเส้นใยจากจุดที่เกาะออกไปทางด้านข้างเพียงด้านเดียวคล้ายขนนกครึ่งซีก เช่น กล้ามเนื้อแขนท่อนล่าง (Flexor pollicis longus:เฟลกเซอร์ พอลิซิส ลองกัส ) 3.4 การเรียงตัวแบบรูปขนนก (Bipenniform) มีการเรียงตัวของเส้นใยแนวเฉียงแยกจากแกนไปทางด้านข้างคล้ายขนนก เช่น กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Rectus Femoris: เรคตัส ฟีโมรีส) 3.5 การเรียงตัวแบบขนนกหลายอัน (Multipennate form: มัลติเพนเนท ฟอร์ม) เป็นการเรียงตัวของกล้ามเนื้อแบบขนานกันแล้วไปเกาะที่จะเกาะปลาย (Insertion) หลายตำแหน่ง เช่น กล้ามเนื้อต้นแขน (Deltoid muscle: เดลตอย มัสเซิล) 3.6 การเรียงตัวแบบพัด (Radiate or fan-shaped form: เรดิเอท หรือ แฟน เชฟ) เป็นการเรียงตัวของกล้ามเนื้อแบบแผ่นกว้าง แล้วลู่เล็กลงไปเกาะที่จุดเกาะปลาย (Insertion) ที่มีขนาดเล็ก เช่น กล้ามเนื้อหน้าอก (Pectoralis major muscle: เพคทอราลีส เมเจอร์ มัสเซิล) 3.7 กล้ามเนื้อแบบวงกลม (Circular form: เซอร์คูล่า ฟอร์ม) เช่น กล้ามเนื้อรอบปาก (Obicularis oris: ออบิคูล่ารีส ออรีส)
กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle)
กล้ามเนื้อชนิดนี้ถูกเรียกแบบนี้เนื่อมาจากการส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วไม่พบลายเหมือนกับกล้ามเนื้อลาย เราจะพบกล้ามเนื้อชนิดนี้ประกอบเป็นผนังของอวัยวะภายในร่างกายที่มีลักษณะเป็นท่อ เช่น ผนังกระเพาะอาหาร ลำไส้ มดลูก กระเพาะปัสสาวะ หลอดลมฝอย หลอดน้ำเหลือง หลอดเลือด เป็นต้น กล้ามเนื้อชนิดนี้ทำงานแบบ “นอกอำนาจจิตใจ” (Involutary muscle) ทำงานภายใต้การควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous system: ออโธโนมิค เนอร์เวอร์ส ซีสเตม) คือ การทำหน้าที่ของอวัยวะเหล่านี้จะเกิดขึ้นเอง โดยมีระบบประสาทอัตโนมัติคอยปรับระบบการทำงานให้มีความสอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมทั้งในร่างกายและภายนอก เช่น เมื่อมีอาหารตกลงสู่กระเพาะอาหาร จะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดสำหรับย่อยอาหาร กระเพราะจะเริ่มมีการบีบตัวเพื่อย่อยอาหาร จะมีการหลั่งเหงื่อที่ผิวหนังมากขึ้นเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย เมื่ออุณหภูมิในนร่างกายสูงเกินความต้องการ เป็นต้น
กล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac muscle: คาร์ดิเอค มัสเซิล)
กล้ามเนื้อชนิดนี้ เป็นกล้ามเนื้อชนิดพิเศษที่ประกอบกันเป็นผนังของหัวใจ มีชื่อเฉพาะว่า “ไมโอคาร์เดียม” (Myocardium) มีลายเช่นเดียวกับกล้ามเนื้อลาย แต่เราไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจได้ แต่มีระบบประสาทอัตโนมัติควบคุมการทำงาน กล้ามเนื้อหัวใจจะหดและคลายตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อทำหน้าที่ปั้มเลือดไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นให้มีการบีบตัวและคลายตัวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามการสร้างไฟฟ้าที่ผิดปกติ ก็จะส่งผลให้การบีบตัวของหัวใจผิดปกติไปด้วย ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
กล้ามเนื้อในร่างกายมนุษย์ที่ควรรู้จัก
ในบทนี้จะไม่ได้กล่าวถึงทั้งหมดซึ่งมากกว่า 600 มัดนะครับ แต่จะกล่าวถึงเฉพาะส่วนที่ควรรู้ และมีการกล่าวถึงในตำราอื่น ๆ บ่อย เพื่อผู้อ่านจะได้ศึกษาเพิ่มเติมได้
กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า - Frontalis (ฟรอนทัลลิส) อยู่บริเวณหน้าฝากส่วนหน้า (Frontal) ทำหน้าที่เลิกคิว - Obicularis oculi (โอบิคูลารีส - วงล้อมรอบ, โอคูไล - ตา) ทำหน้าที่หลับตา กระพริบตา - Obicularis oris (โอบิคูลารีส - วงล้อมรอบ, โอรีส - ปาก) ทำหน้าที่ปิดริมฝีปาก ทำปากยื่น - Buccinator (บัคซิเนเทอร์) อยู่บริเวณแกล้มทำหน้าที่ดูด หรือจูบ เรียกอีกชื่อว่า "Kissing muscle" หรือเวลาผิวปาก - Temporalis (เทมโพราลีส - ขมับ) เกาะอยู่ตรงกระดูกขมับและขากรรไกรล่าง ทำหน้าที่งับปิดขากรรไกรล่าง - Massester (แมสเซสเทอร์) เกาะอยู่ระหว่างกระดูกโหนกแก้มและกระดูกขากรรไกรล่าง ทำหน้าที่ยกข้ากรรไกรล่างขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณคอ - Sternocleidomastoid (สเตอร์โนไคลโดมาสตอยด์) เป็นกล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุดบริเวณคอ เกาะพาดจากกระดูกหน้าอกกับกระดูกไหปลาร้าไปยังด้านนอกของกระดูกด้านหลังหู (Mastoid process: มาสตอย์ด โปรเซสส์) และกระดูกท้ายทอย ทำหน้าที่เอียงคอ หันและหมุนคอ
กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวด้านหน้า - Pectoralis major (เพ็คโธราลีส เมเจอร์) เป็นกล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่ มีจุดเกาะของกล้ามเนื้อจากกระดูกหน้าอก (Sternum: สเตอร์นัม) กระดูกไหลปลาร้า (Clavicle: คลาวิเคิล) กระดูกซีโครงซี่ที่ 1-6 ไปยังกระดูกต้นแขนส่วนต้น (Humerus: ฮิวเมอร์รัส) เป็นกล้ามเนื้อที่เน้นลักษณะเพศชายได้ชัดเจนคือมีลักษณะอกผาย ไหล่ผึ่ง ท้าหน้าที่หุบ งอ หมุนต้นแขนเข้าด้านใน ช่วยในการผลัก ขว้าง ปีนป่าย การหายใจเข้า รั้งแขนให้มาทางด้านหน้าท้าให้ไหล่คงรูปอยู่กับที่ - Pectoralis minor (เพ็คโธราลีส ไมเนอร์) เป็นกล้ามเนื้อหน้าอกมัดเล็ก เป็นกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมแบนเล็กอยู่ภายใต้กล้ามเนื้อ Pectoralis major เกาะจากผิวนอกของกระดูกซี่โครงซี่ที่ 3 – 5 ไปยังจะงอยกระดูกสะบัก (Coracoid process: โคราคอยด์ โพรเซส) ท้าหน้าที่ดึงหัวไหล่ไปทางด้านหน้าและลงล่าง และช่วยรับน้้าหนักตัวขณะที่ยืนเอามือยันผนังหรือพื้น - Rectus abdominis (เรคตัส แอบโดมินิส) เป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องมีลักษณะเป็นแถบยาวเป็นปล้อง ๆ เมื่อออกแรงเกร็งมีจุดเกาะต้นจากกระดูกหัวเหน่า (Pubic bone: พูบิค โบน) ทอดขึ้นบนและค่อย ๆ กว้างขึ้นไปเกาะที่ปลายผิวหน้าของกระดูกลิ้นปี่ (Xiphoid: ไซฟอยด์) และกระดูกซี่โครงที่ 5, 6,7 ท้าหน้าที่เกร็ง ช่องท้องเวลายกของหนัก ช่วยในการขับถ่ายและคลอดบุตร - Serratus anterior (เซอร์เรทัส แอนเทอเรีย) กล้ามเนื้อฟันเลื่อยข้างหน้าอก (ชื่อนี้ผู้เขียนขออนุญาตตั้งชื่อเองนะครับ เพราะมีแต่ตำราที่เขียนทับศัพท์ เพื่อให้จำง่ายขึ้น เพราะคำว่า Serratus มาจากภาษาลาติน หมายถึงฟันเลื่อย คือ เหมือนกับลักษณะของกล้ามเนื้อนั่นเองครับ) เป็นกล้ามเนื้อด้านในของรักแร้ อยู่ทางด้านข้างของอก มีรูปร่างเป็นแฉก ๆ ยึดติดกับกระดูกซี่โครงทางด้านหน้าไปยังกระดูกสะบัก ท้าหน้าที่ยึดดึง กระดูกสะบักให้อยู่กับที่และช่วยการท้างานของกล้ามเนื้อต้นแขน (Deltoid: เดลตอยด์) เวลายกแขน
กล้ามเนื้อบริเวณท้อง - Rectus abdominis (เร็คทัส แอบโดมินิส) เป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องมีลักษณะเป็นแถบยาวเป็นปล้องๆ (กล้ามเนื้อซิกส์แพ็ค) เมื่อออกแรงเกร็งมีจุดเกาะต้นจากกระดูกหัวเหน่า (Pubic bone) ทอดขึ้นบนและค่อยๆ กว้างขึ้นไปเกาะที่ปลายผิวหน้าของกระดูกลิ้นปี่ (Xiphoid) และกระดูกซี่โครงที่ 5, 6,7 ทำหน้าที่เกร็งช่องท้องเวลายกของหนัก ช่วยในการขับถ่ายและคลอดบุตร - Pectoralis major (เพ็คโทราลีส เมเจอร์) เป็นกล้ามเนื้อทรวงอกมัดใหญ่รูปร่างคล้ายพัดคลุมอยู่บนอกและทับอยู่บนกล้ามเนื้อ Pectoralis minor และเป็นกล้ามเนื้อที่เกาะจากแนวกลางของกระดูกหน้าอกไปยังกระดูกต้นแขน เป็นกล้ามเนื้อที่เน้นลักษณะเพศชายได้ชัดเจนคือมีลักษณะอกผายไหล่ผึ่ง ทำหน้าที่หุบ งอ หมุนต้นแขนเข้าด้านใน ช่วยในการผลัก ขว้าง ปีนป่าย การหายใจเข้ารั้งแขนให้มาทางด้านหน้าทำให้ไหล่คงรูปอยู่กับที่
กล้ามเนื้อบริเวณหลัง
- Trapezius (ทราพีเซียส) เป็นกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมคลุมบริเวณคอด้านหลังลงมาถึงหลัง โดยยึดเกาะจากแนวกลางของแผ่นหลังส่วนบนไปเกาะที่กระดูกไหปลาร้าทั้งซ้ายและขวา ทำหน้าที่รั้งกระดูกสะบักมาข้างหลัง กล้ามเนื้อส่วนบนเมื่อหดตัวไหล่จะยกขึ้น ส่วนกลางหดตัวจะดึงสะบัก 2 ข้างเข้ามาหากัน ส่วนล่างหดตัวจะทำให้ไหล่ถูกดึงลง ในคนที่เล่นกล้ามกล้ามเนื้อนี้จะเป็นสันสูงขึ้นมากจากไหล่ ในคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์และมีการเกร้งกล้ามเนื้อนี้ จะทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ เรียกว่า "ออฟฟิส ซินโดรม"
- Latissimus dorsi เป็นกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมแบนกว้าง คลุมอยู่ตอนล่าง ของแผ่นหลังและบั้นเอวทอดผ่านไปมุมล่างของกระดูกสะบัก ท้าหน้าที่ดึงแขนเข้าชิดล้าตัว ดึง แขน ลงมาข้างล่าง ด้านหลังและหมุนแขนเข้าด้านใน กล้ามเนื้อนี้ใช้มากในการปีนป่าย ว่ายน้้า และกรรเชียงเรือ จะหดตัวทันทีในขณะที่จาม
กล้ามเนื้อหัวไหล่ กล้ามเนื้อส่วนหัวไหล่ ที่ช่วยในการท้างาน ของหัวไหล่ที่ส้าคัญ คือ - Deltoid (เดลตอยด์) เป็นกล้ามเนื้อคลายขนนกหลาย ๆ อันมารวมกันเป็นมัดใหญ่หนา รูปสามเหลี่ยมจุดเกาะอยู่ที่ไหปลาร้า และกระดูกสะบัก แล้วไปเกาะที่ตอนกลางของกระดูกต้น แขน ท้าหน้าที่ยกไหล่และยกต้นแขน เป็นส่วนที่บ่งบอกลักษณะเพศชายได้อย่างชัดเจน เป็นตำแหน่งที่นิยมใช้ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ - Supraspinatus (ซูพราสไปเนทัส) เริ่มเกาะจากกระดูกสะบักไปยังกระดูกต้นแขน ทำหน้าที่ช่วยกล้ามเนื้อ Deltoid ในการยกหรือกางแขน - Infraspinatus (อินฟราสไปเนทัส) เริ่มเกาะจากกระดูกสะบักไปยังกระดูกต้นแขน ท้าหน้าที่หมุนต้นแขนออกด้านนอกและดึงแขนไปด้านหลัง - Teres minor (เทเรส ไมเนอร์-เล็ก) และ Teres major (เทเรส เมเจอร์-ใหญ่) เกาะที่กระดูกสะบักแล้วทอดตัวมาเกาะที่กระดูกหต้นแขนโดย Teres minor ท้าหน้าที่หมุนแขนออกด้านนอก Teres major ท้าหน้าที่หมุนแขนเข้าด้านใน - Subscapularis มีจุดเกาะที่กระดูกสะบักและกระดูกต้นแขน ท้าหน้าที่หมุนต้นแขนเข้าด้านใน
กล้ามเนื้อแขนส่วนต้น ที่ส้าคัญได้แก่ - Biceps brachii (ไบเซ็ปส์ เบรคิไอ) เป็นกล้ามเนื้อด้านหน้าของต้นแขน มีที่เกาะส่วนบนแยก 2 ทาง คือ เกาะจาก Coracoid process (โคราคอยด์ โพรเซส-จงอยบ่า) และ Supraglenoid tubercle ไปยังส่วนต้นของกระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius tuberosity) ท้าหน้าที่งอต้นแขนและปลายแขน หมุนแขนเข้าและดึงออก - Brachialis (เบรเคลียลีส) เป็นกล้ามเนื้อต้นแขนที่อยู่ตรงกลางค่อนมาด้านล่าง เกาะจากกระดูกต้นแขนไปยังส่วนต้นของกระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna tuberosity) ทำหน้าที่งอข้อศอก - Coracobrachialis เกาะจาก Coracoid process ของกระดูกสะบักไปยัง กึ่งกลางของกระดูกต้นแขน ท้าหน้าที่งอต้นแขน - Triceps brachii เป็นกล้ามเนื้อด้านหลังของต้นแขน ปลายบนแยก 3 ทาง เกาะที่กระดูกสะบักหนึ่งที่ และอีก 2 ทางเกาะที่กระดูกต้นแขน และมีจุดเกาะปลายที่กระดูก ปลายแขนท่อนใน (Ulna) กล้ามเนื้อมัดนี้จะท้าหน้าที่ตรงกันข้ามกับกล้ามเนื้อ Biceps brachii คือ ท้าหน้าที่เหยียดปลายแขน